ประตูโทนของเกมเกิดขึ้นตั้งแต่นาทีต้น ๆ จากจังหวะที่ ลูอิซ จูเนียร์ ผู้รักษาประตูบียาร์เรอัลรับบอลพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ลูกเปิดของ ลูคัส เบิร์กวัลล์ ที่ดูจะไม่มีอันตรายกลับกลายเป็นหายนะ เมื่อบอลไถลจากมือของนายทวารบราซิเลียนเข้าประตูตัวเองไปอย่างเหลือเชื่อ

หลังจากนั้น บียาร์เรอัลที่คุมทัพโดย มาร์เซลิโน่ พยายามเปิดเกมรุกกดดันตลอด โดยมี นิโกลาส เปเป้ อดีตแข้งอาร์เซนอลโชว์ฟอร์มร้อนแรง สร้างโอกาสหลายครั้ง แต่กลับไม่เฉียบคมพอ ขณะที่สเปอร์สเองเล่นกันอย่างประหม่า การจ่ายบอลไม่แม่นยำ และแทบไม่มีโอกาสยิงเข้ากรอบเพิ่ม

เกมนี้ยังเต็มไปด้วยจังหวะปัญหาจากการตัดสินของผู้ตัดสิน ราเด โอเบรโนวิช ที่ถูกวิจารณ์ว่า “เข้าข้างเจ้าบ้าน” หลายครั้ง โดยเฉพาะการไม่แจกใบแดงให้ ชาบี ซิมอนส์ ที่ฟาวล์หนักใส่เปเป้ รวมถึงการลงโทษเพียงใบเหลืองแก่ มิคกี้ ฟาน เดอ เวน หลังทำฟาวล์ตัดเกมใกล้กรอบเขตโทษช่วงท้าย

ท้ายที่สุด สเปอร์สต้องอาศัยเกมรับเหนียวแน่นจาก คริสเตียน โรเมโร่ และฟาน เดอ เวน ช่วยยันสกอร์จนจบเกม คว้าคลีนชีตนัดที่ 4 จาก 5 เกมหลังสุด พร้อมประเดิมเก็บ 3 แต้มแรกในรอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ

เกมนี้ยังมีประเด็นนอกสนามเมื่อ โธมัส ปาร์เตย์ อดีตกองกลางอาร์เซนอล ถูกส่งลงสนามในนาทีที่ 77 ให้บียาร์เรอัล ท่ามกลางเสียงโห่จากแฟนเจ้าถิ่น เนื่องจากเจ้าตัวกำลังมีคดีความที่อังกฤษ

แม้ฟอร์มจะไม่หวือหวาและเต็มไปด้วยความกดดัน แต่โธมัส แฟรงค์ ก็สามารถพาทีมเปิดฉากเวทียุโรปได้ด้วยชัยชนะ และที่สำคัญที่สุดคือ “สามคะแนน” ที่อาจเป็นกุญแจสู่การผ่านเข้ารอบต่อไปของไก่เดือยทอง